การเปลี่ยนผ่าน: รัฐกัมพูชา (2532 – 2536) ของ สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา

ธงชาติของรัฐกัมพูชาที่เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชาโดยเพิ่มสีน้ำเงินในธงชาติ

ในวันที่ 29–30 เมษายน พ.ศ. 2532 สภาแห่งชาติของสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชาภายใต้การนำของเฮง สัมรินได้จัดประชุมสมัยวิสามัญโดยมีการแก้ไขชื่อประเทศจากสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชามาเป็นรัฐกัมพูชา มีการนำสีน้ำเงินกลับมาใช้ในธงชาติ เปลี่ยนตราแผ่นดินและตรากองทัพ กองทัพปฏิวัติประชาชนกัมพูชาถูกเปลี่ยนไปเป็นกองทัพประชาชนกัมพูชา พุทธศาสนาที่เคยฟื้นฟูขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2522 ได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติ ทางด้านเศรษฐกิจได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิการถือครองทรัพย์สินและตลาดเสรี พรรครัฐบาลประกาศจะเจรจากับฝ่ายค้านทุกกลุ่ม[32]

รัฐกัมพูชาดำรงอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านอย่างช้า ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและรัฐคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก การลดความช่วยเหลือของโซเวียตต่อเวียดนามทำให้เวียดนามต้องถอนทหารออกไป กองทหารสุดท้ายของเวียดนามกล่าวว่าพวกเขาออกจากกัมพูชาเมื่อ 26 กันยายน พ.ศ. 2532 แต่บางกลุ่มเชื่อว่ายังคงอยู่ถึง พ.ศ. 2533[33] ชาวเวียดนามส่วนใหญ่อพยพกลับสู่เวียดนาม เพราะไม่มั่นใจความสามารถของรัฐบาลกัมพูชาในการควบคุมสถานการณ์เมื่อไม่มีทหารเวียดนาม

นอกจากการประกาศอย่างแข็งกร้าวของฮุนเซน รัฐกัมพูชาอยู่ในฐานะที่จะกลับมาเป็นเพียงพรรคหนึ่งในการครองอำนาจ โครงสร้างผู้นำและการบริหารเป็นแบบเดียวกับสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา โดยมีพรรคเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด รัฐกัมพูชาไม่สามารถฟื้นฟูราชวงศ์ในกัมพูชาแม้จะเริ่มนำสัญลักษณ์ของราชวงศ์มาใช้ ซึ่งเคยเลิกใช้ไปเป็นเวลานานหลังจากที่พระนโรดม สีหนุเข้าร่วมกับแนวร่วมเขมรสามฝ่าย ในกลางปี พ.ศ. 2534 ทั้งโดยแรงกดดันจากในและนอกประเทศ รัฐกัมพูชาได้ทำข้อตกลงในการยอมรับพระนโรดม สีหนุเป็นประมุขรัฐ ปลายปี พ.ศ. 2534 สีหนุได้เดินทางกลับกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ทั้งฮุน เซน และเจียซิมได้จัดงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ[34]

ในช่วงเปลี่ยนผ่านในฐานะรัฐกัมพูชาแนวคิดปฏิวัติได้เลือนหายไป การฉ้อราษฏร์บังหลวงเพิ่มขึ้น ทรัพยากรของรัฐถูกขายไปโดยไม่เกิดกำไรแก่รัฐ ชนชั้นสูงและทหารสร้างความร่ำรวยจากความเหลื่อมล้ำ[35] ผลจากการกระทำนี้ทำให้เกิดการเดินขบวนประท้วงในกรุงพนมเปญเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2534 เกิดการปราบปรามอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิต 8 คน[36]

สถานะของชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนดีขึ้นหลัง พ.ศ. 2532 ความเข้มงวดที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐกัมพูชาลดลง รัฐบาลของรัฐกัมพูชายอมให้ชาวจีนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา และเปิดโรงเรียนสอนภาษาจีนได้อีก ใน พ.ศ. 2534 ได้มีการเฉลิมฉลองตรุษจีนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขมรแดงครองอำนาจเมื่อ พ.ศ. 2518[37]

สนธิสัญญาสันติภาพ

การเจรจาสันติภาพระหว่างระบอบที่มีเวียดนามหนุนหลังกับกองทัพฝ่ายตรงข้ามเริ่มขึ้นทั้งเป็นและไม่เป็นทางการตั้งแต่ พ.ศ. 2528 การเจรจาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เขมรแดงต้องการให้ล้มล้างการบริหารของฝ่ายรัฐบาลพนมเปญก่อนการเจรจา ในขณะที่ฝายรัฐบาลต้องการให้ขับเขมรแดงออกไปจากรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต[38] การล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์เป็นแรงฟลักดันที่สำคัญที่ทำให้ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาเข้ามาสู่การเจรจา สุดท้ายจึงบรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพปารีส พ.ศ. 2534 โดยสหประชาชาติเข้ามาจัดการเลือกตั้งที่เป็นอิสระและเป็นธรรมซึ่งกำหนดใน พ.ศ. 2536[39] มีการจัดตั้งอันแทคในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 เพื่อเป็นที่ปรึกษาในการเจรจาสงบศึกและดูแลการเลือกตั้งทั่วไป[40]

ใกล้เคียง

สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สาธารณสมบัติ สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 สาธารณรัฐเท็กซัส สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี สาธารณรัฐเขมร สาธารณรัฐประชาชนยูเครน

แหล่งที่มา

WikiPedia: สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา http://www.peacemakers.ca/research/Cambodia/Cambod... http://www.clermont-filmfest.com/03_pole_regional/... http://www.country-data.com/cgi-bin/query/r-2238.h... http://country-studies.com/cambodia/major-politica... http://www.informaworld.com/index/789073072.pdf http://homepage3.nifty.com/thuan/audio/khm_pr.mid http://www.photius.com/countries/cambodia/governme... http://www.websitesrcg.com/border/documents/Refuge... http://khmernews.wordpress.com/2007/08/03/five-kr-... http://www.hawaii.edu/powerkills/DBG.TAB9.1.GIF